มารู้จักอาชีพ Spa Therapist กัน

คำว่า Therapist ตามพจนานุกรม หมายถึง นักบำบัด , ผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดโรค

นักบำบัด หรือ Therapist จะมีฟังก์ชั่นค่อนข้างหลากหลาย นอกจากการนวดทุกประเภทที่หมอนวดพึงมีแล้ว เธอราปิสยังสามารถให้บริการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับความสวยความงามอื่นๆ เช่น ทรีตเม้นท์บำรุงผิวกาย บำรุงผิวหน้า บำรุงผม วารีบำบัด อาจจะรวมไปถึงมือเเละเท้า เป็นต้น

ส่วนมากเราจะเจอ นัก Therapist ทำงานอยู่ใน Spa ม่ว่าจะเป็นในโรงแรม หรือร้านสปาทั่วไป รวมไปถึงศูนย์สุขภาพหลายๆเเห่ง ซึ่งสามารถเรียกว่าเป็น Spa Therapist

คุณสมบัติของ Spa Therapist

  • Good Human skill: นักบำบัดที่ดีจะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีทักษะในการสื่อสารในทางบวก มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
  • Personal Hygiene: นักบำบัดต้องมีสุขนิสัยที่ดี มีสุขอนามัยส่วนตัวที่ดี ดูรวมๆจากภายนอกแล้วต้องสะอาด มีอนามัย ไม่น่ารังเกียจ เรื่องเล็กน้อยอย่างเช่น กลิ่นตัว กลิ่นปาก ความสะอาดของเล็บมือเล็บเท้า ชุดที่สวมใส่ สุขภาพกายผิวพรรณต้องดี น่าอยู่ใกล้ เพราะการทำงานของนักบำบัดต้องใกล้ชิดกับ ลูกค้ามาก จึงต้องเป็นคนที่ลูกค้ารู้สึกสบายใจพอที่จะมาใช้บริการรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรเลือกคนที่มีอนามัย โดยเนื้อแท้เท่านั้น เพราะเรื่องเล็กๆน้อยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องดูแลเป็นประจำทุกวัน และเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่จะมาตรวจสอบหรือตักเตือนกันได้ทุกวัน ผม เล็บ ฟัน ผิวมือ เท้า ทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าต้องสะอาด อีกทั้งสุขนิสัยส่วนตัว เหล่านี้เป็นต้น ต้องวิเคราะห์ให้ดี
  • ต้องมีเสถียรภาพทางอารมณ์ คือ อารมณ์ไม่แปรปรวน โกรธง่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว หดหู่ง่าย เหล่านี้เป็นต้น
  • ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถในการให้บริการในกรณีที่เป็นพนักงานนวดต้องผ่านการอบรมการนวดมาอย่างถูกต้องตามหลักการนวดแผนต่างๆ

หน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทั่วไปของ Spa Therapist

  • ดูและลูกค้าที่เข้าใช้บริการนวดสปา ,ดูแลความสะอาดของห้องสปา และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้าในระยะยาว
  • สามารถที่จะตอบคำถามของลูกค้าและเสนอแนะหรือสาธิตให้ลูกค้าได้รวมทั้งสามารถดำเนินการขายได้

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ

การทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาจทำให้คุณเป็นลมบ้าหมูได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานที่มีประสบการณ์หรือเพิ่งเข้ามาในธุรกิจนี้ ในการเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ยอดเยี่ยมคุณจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณคสรรู้ก่อนการมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ

  1. ลูกค้าจะตัดสินคุณโดยพิจารณาจากรูปลักษณ์ของคุณ

แม้ว่ารูปลักษณ์ของคุณจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริการที่คุณให้ แต่ก็เป็นปัจจัยหลักในผลลัพธ์ของทิปในตอนท้าย อย่าลืมตรวจสอบรูปลักษณ์ เสื้อผ้า ทรงผม และเครื่องประดับของคุณให้ดีก่อนทำงาน เพราะนั่นจะส่งผลถึงทิปและ comment ที่คุณจะได้จากลูกค้า ในวันนั้น 

  1. การทำงานเป็นทีมสำคัญกว่าที่คุณคิด

เมื่อคุณเป็นพนักงานเสิร์ฟคุณจะได้เรียนรู้ที่จะอ่านใบหน้าของพนักงานเสิร์ฟและพนักงานเสิร์ฟคนอื่น ๆ และคุณสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเครียดเมื่อไหร่ หากคุณมีเวลาสักวินาทีคุณจะถามว่าคุณสามารถช่วยอะไรได้บ้างและเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์นั้นพวกเขาจะช่วยคุณ

  1. รองเท้าที่รองรับจะช่วยป้องกันไม่ให้แย่มาก

รองเท้าน่าจะเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงานในฐานะพนักงานเสิร์ฟ คุณต้องการรองเท้าที่มีการยึดเกาะการรองรับและความสบายและคุณต้องสามารถย้ายจากโต๊ะหนึ่งไปอีกโต๊ะหนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลว่าคุณจะลื่นล้ม หากคุณไม่มีรองเท้าที่ดีอาการปวดจะเริ่มขึ้นที่เท้าจากนั้นชันเข่าและหลังจากแบกถาดใหญ่ ๆ หนัก ๆ มาทั้งวันคุณจะเริ่มรู้สึกว่ามันอยู่ที่หลัง คุณต้องสามารถเพิ่มความห้าวหาญในขั้นตอนของคุณเมื่อคุณทำงานและนั่นมาจากการมีรองเท้าที่รองรับน้ำหนักและการใช้งานหนักๆได้

  1. การมีทัศนคติที่ดีตลอดเวลาเป็นสิ่งสำคัญ

เมื่อลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารที่ร้าน ลูกค้าย่อมคาดหวังว่าพนักงานเสิร์ฟจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและทำเหมือนว่าพวกเขากำลังสนุกกับงานแม้ว่าพวกเขาจะเกลียด

  1. ลูกค้าส่วนใหญ่จะลืมความรับผิดชอบอื่น ๆ ของคุณ

จริงอยู่ที่พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งๆไม่ได้ดูแลลูกค้าเพียงโต๊ะดียว ซึ่งเราคาดหวังว่าลูกค้าจะเข้าใจเช่นเดียวกันด้วย แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและพวกเขาคิดว่าพวกเขาควรจะเป็นลำดับแรกที่คุณให้ความสำคัญแม้ว่าคุณจะมี 5 ลำดับ พยายามจัดลำดับความสำคัญของงานและตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนงานลำดับอื่นๆของคุณ เพราะหากคุณทำไม่ได้ เมื่อถึงช่วงเวลาที่วุ่นวายและทุกอย่างใช้เวลานานขึ้นอีก ผู้คนก็จะอารมณ์เสีย

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

ขั้นตอนการทำงานของโรงแรม – การลงทะเบียนเข้าพัก

การลงทะเบียนเข้าพักเป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการรับจองห้องพัก ซึ่งระหว่างกระบวนการในการรับจองห้องพักกับการลงทะเบียนเข้าพัก จะมีขั้นตอนปฏิบัติงานที่เรียกว่า “การเตรียมการก่อนแขกจะมาเข้าพัก (Pre-registration Activities)” เพื่อช่วยให้การลงทะเบียนเข้าพักของแขกสะดวก รวดเร็ว และลดความผิดพลาดได้มากขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมการก่อนแขกจะเข้าพัก เกิดขึ้นระหว่างที่แขกจองห้องพักและยังมาไม่ถึงโรงแรม ซึ่งดรงแรมจะมีข้อมูลที่แขกให้ไว้ระหว่างที่ทำการติดต่อขอจองห้องพักเท่านั้น เมื่อแขกมาติดต่อ front office เพื่อทำการเข้าพัก แขกควรจะตรวจสอบข้อมูลและลงนามกำกับเท่านั้น ดังนั้น Front Office จึงควรเตรียมเอกสารลงทะเบียนเข้าพักล่วงหน้าไว้ แฃะเมื่อหมดเวลาในการยกเลิกการจองห้องพักของแขกแต่ละราย ก็สามารถจัดทำรายงานการจองห้องพักที่ถูกต้องได้ทันที

กระบวนการในการปฏิบัติงานรับลงทะเบียนเข้าพัก

กิจกรรมที่แขกทำ

งานของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า

มาถึงโรงแรม

ตรวจสอบการจองห้องพักและการจัดห้องพักสำหรับแขก

ลงทะเบียนเข้าพัก

ตรวจสอบความถูกต้องและรายละเอียดของการลงทะเบียน มอบกุญแจห้องพัก หรือ key card พร้อมคูปองอาหารให้แก่แขก

แขกไปยังห้องพัก

จัดให้พนักงานขนสัมภาระนำแขกและสัมภาระของแขกไปยังห้องพัก แจ้งให้แผนกและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทราบว่าแขกเข้าพักแล้วเปิดบัญชีการใช้บริการของแขก

ขณะที่แขกอยู่ในโรงแรม และใช้บริการส่วนต่างๆของโรงแรม

จัดทำบัญชีค่าบริการต่างๆ ที่แขกใช้บริการไป รับและแจ้งข้อมูลข่าวสารให้แขกทราบ อำนวยความสะดวกในการพักอยู่ในโรงแรมของแขก

ออกจากโรงแรมและชำระค่าบริการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว

แจ้งให้แผนกและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทราบว่าคืนห้องพักและออกจากโรงแรมแล้ว จัดทำและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าพักและการใช้บริการต่างๆ ของแขก

เอกสารที่ใช้ในการลงทะเบียนเข้าพัก

  1. รายชื่อแขกที่จะเข้าพักประจำวัน (Arrival List)
  2. เอกสารลงทะเบียนเข้าพัก (registration Card)
  3. เอกสารแจ้งรายการของผู้เข้าพักประจำวัน (เพื่อส่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
  4. เอกสารการเปลี่ยนห้องพักและอัตราค่าห้องพัก (Room and Rate change)
  5. เอกสารแสดงรายการค่าบริการที่แขกต้องชำระ
  6. เอกสารแสดงรายการส่วนลด (Discount report or discount Book)
  7. สมุดส่งเวร (เพื่อบันทึกการทำงานและการปฏิบัติงานของพนักงาน แสดงความเคลื่อนไหวของงานว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ติดตามเรื่องใดบ้าง เพื่อให้บริการแขกและปฏิบัติงานต่างๆให้ลุล่วง)
  8. เอกสารในการเปลี่ยนชื่อแขก (Name Change), ถ้ามี
  9. เอกสารสั่งสิ่งของหรืออาหารและเครื่องดื่มเพื่อเป็นอภินันทนาการแก่แขก (Complementary Order)
  10. คูปองอาหาร
  11. เอกสารแสดงสถานภาพห้อง (Room Rack Slip or Room Rack Card) หากโรงแรมใช้ระบบคอมพิวเตอร์ สิ่งเหล่านี้จะปรากฏในระบบ ศึ่งแยกสถานะไปตามสีต่างๆ
  12. เอกสารแสดงการเข้าพักของแขก
  13. เอกสารแสดงการออกจากโรงแรมของแขก
  14. เอกสารแสดงรายชื่อแขกที่เข้าพักโดยไม่มีการจองห้องพักล่วงหน้า (Walk-in Record)
  15. บัตรเปิดประตูห้องพัก และ ซองใส่บัตรเปิดประตูห้องพัก (Key card and Key card envelop)
  16. บัตรเครื่องดื่มเพื่อการต้อนรับ (Welcome Drink Card)

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

มารู้จัก แผนกและตำแหน่งแม่บ้านโรงแรม (Housekeeping หรือ Accommodation Service) กัน

การเป็นแม่บ้านที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านในการทำงานกับโรงแรม รีสอร์ท เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หรือพนักงานทำความสะอาดของบริษัทและองค์กรทั่วไป หากต้องการให้มีผลงานที่ดี ทำงานแบบมืออาชีพ ได้รับคำชม และมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อทราบและมีโอกาสฝึกปฏิบัติวิธีการและขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกวิธี

งานแม่บ้านโรงแรม หมายถึง งานดุแลทุกส่วนของโรงแรม ทั้งห้องพักและบริเวณสาธารณะที่ให้บริการแขก (ยกเว้ย บริเวณครัว เป็นหน้าที่ของ Steward) ตำแหน่งแม่บ้านโรงแรมในหลายๆโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรม 4-5 ดาว จะเรียนตำแหน่งนี้ว่า ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือ  Assistant Manager คือ เป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นหน่วยงานที่เข้าทำงานในทุกเนื้อที่ของโรงแรมเป็น หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับแผนกต่างๆได้ดี ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของทุกฝ่ายได้

โครงสร้างของแผนกแม่บ้าน

  1. หัวหน้าแผนกแม่บ้าน (Executive Housekeeper) รับผิดชอบงานแผนกแม่บ้านทั้งหมดโดยขึ้นกับผู้จัดการใหญ่ (General Manager) ของ โรงแรม
  2. หัวหน้าแม่บ้าน (Head Housekeeper) หัวหน้าแม่บ้านดูแลตรวจตราการทํางานของผู้ช่วยแม่บ้านหรือแม่บ้านประจํา ฟลอร์
  3. แม่บ้านประจําฟลอร์หรือผู้ช่วยแม่บ้าน (Floor Housekeeper หรือ Assistant Housekeeper ) ดูแลตรวจตราการทํางานของพนักงานทําความสะอาดหรือพนักงานดูแลห้องพัก (Cleaning Staff/Room Attendants) เฉพาะที่ทํางานอยู่ที่ฟลอร์ใดฟลอร์หนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนงของโรงแรม
  4. พนักงานดูแลห้องพัก (Room Attendant) มีหน้าที่ทําความสะอาดและให้บริการต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการเข้าพักของแขก
  5. พนักงานยกของ/ทําความสะอาด (Housekeeper) มีหน้าที่ยกหรอขนย้ายพวกเฟอร์นิเจอร์หนักๆ หรือนําขยะไปทิ้ง บางครั้งก็อาจรับผิดชอบด้านทําความสะอาดบริเวณใช้ร่วมภายในโรงแรมด้วย ในเมืองไทยชื่อตําแหน่งนี้จะไม่ค่อยได้พบ ชื่อตําแหน่งที่นิยมใช้กันคือ Cleaner
  6. หัวหน้าห้องผ้า (Linen Room Supervisor) ต้องรับผิดชอบผ้าทุกชนิดที่ใช้ในห้องพักแขก (เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม เป็นต้น )ผ้าของห้องอาหารและแผนกจัดเลี้ยง (ได้แก่ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดปาก ผ้ารองถาด) และเครื่องแบบพนักงาน โดยการจ่ายผ้าที่ซักสะอาดแล้ว เก็บรวบรวมผ้าที่ใช้แล้ว ปะชุนผ้าที่ขาดและดูแลควบคุมการส่งผ้าไปซักที่แผนทแผนกซักรีดและการรับคืน ผ้าที่ซักแล้ว

หน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานตำแหน่งแม่บ้านโรงแรม

  1. งานทำความสะอาดห้องพัก (Room Cleaning)
  2. งานทำความสะอาดบริเวณสาธารณะ (Public Area Cleaning)
  3. งานห้องผ้า (Linen Room)
  4. งานห้องเครื่องแบบพนักงาน (Uniform Room)
  5. งานห้องซักรีด (Laundry Room)
  6. งานห้องดอกไม้ (Decoration / Flower Room)
  7. งานบริการต้นห้อง (Butler Service)
  8. งานเก็บและรักษาของที่แขกลืมทิ้งไว้ (Lost & found Service)
  9. งานมินิบาร์ (Mini bar Service)
  10. งานช่าง (Handy man)
  11. งานทำสวน (Gardener)

คุณสมบัติและลักษณะสำคัญของพนักงานแม่บ้าน

  1. มีความพร้อม
  2. มีความเรียบร้อยของร่างกาย
  3. มีกิริยามารยาท
  4. มีจรรยาบรรณ

ทัศนคติที่ดีต่องานแม่บ้าน

  1. รักในอาชีพงานแม่บ้าน
  2. ทำงานให้ดีที่สุด หมายถึง “สะอาดที่สุด”
  3. ทำงานด้วยความอดทน
  4. ให้พึงระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า แม่บ้านคือ ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลสถานที่ให้สะอาด

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตำแหน่ง Front Office (FO)

ผู้สัมภาษณ์            Good morning, Miss Ann. Take a seat, please.

                             สวัสดีครับคุณแอน เชิญนั่งครับ

ผู้สมัคร                  Good morning, Sir. Thank you.

                             สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            What do you know about this position?

                              คุณรู้อะไรเกี่ยวกับตำแหน่งนี้บ้างครับ

ผู้สมัคร                   The candidates must have pleasing personality, excellent in communication and English skills.

                              ผู้สมัครต้องมีบุคลิกภาพที่ดี มีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม และเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาอังกฤษค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            Do you have any plans to continue your education.

                             คุณมีแผนที่จะศึกษาต่อหรือเปล่าครับ

ผู้สมัคร                   Certainly. But at present, I want to work.

                              แน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้ดิฉันอยากทำงานก่อนนะค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            Are you married.

                             คุณแต่งงานหรือยัง

ผู้สมัคร                   No, I’m not married yet.

                              ดิฉันยังไม่แต่งงานค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            Tell me , why should I hire you?

                               บอกผมได้ไหม ว่าทำไมผมจึงต้องรับคุณเข้าทำงาน

ผู้สมัคร                   I can speak well both English and Chinese and a little Japanese.

                              ดิฉันสามารถพูดได้ดีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีน อีกท้งพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย

ผู้สมัคร                   Moreover, I have a good communication skill.

                              นอกจากนี้ ดิฉันยังมีทักษะการสื่อสารที่ดีด้วยค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            Maybe there are some questions that you would like to ask me.

                              บางทีคุณก็อาจมีคำถามอยากถามผม

ผู้สมัคร                   Of course. How do you evaluate your employees?

                              ค่ะ คุณมีการประเมินพนักงานอย่างไรคะ

ผู้สัมภาษณ์            We’ll look at comments from customers about your service,

                             เราจะดูจากความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับการบริการของคุณ

ผู้สัมภาษณ์            greeting, personality, temper control, and some advices.

                             การต้อนรับ บุคลิกภาพ การควบคุมอารมณ์ และการให้คำแนะนำต่างๆ ของคุณที่มีต่อลูกค้าครับ

ผู้สมัคร                   I see.

                             เข้าใจแล้วค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            We’ll get in touch with you. Goodbye.

                              แล้วเราจะติดต่อกลับไปหาคุณ สวสดีครับ

ผู้สมัคร                   Thank you. Goodbye.

                              ขอบคุณค่ะ สวสดีค่ะ

ผู้สัมภาษณ์            Thanks for coming today Miss. Ann.

                             ขอบคุณที่มาในวันนี้ครับคุณสุนิสา

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

มารู้จัก ตำแหน่ง Kids Club Attendance (พนักงานสันทนาการเด็ก) ของโรงแรมกัน

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า การมาพักผ่อนกับครอบครัวนั้นย่อมพิเศษกว่าการพักผ่อนแบบทั่วๆไป  เพราะมันคือโอกาสที่ทุกคนภายในครอบครัวจะได้อยู่และแบ่งปันช่วงเวลาที่มีความหมายร่วมกัน และไม่ใช่ทุกโรงแรมที่สามารถตอบโจทย์การมาพักผ่อนของครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และเด็กๆ คือส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเข้าพักของแขก ดังนั้น โรงแรมหลายๆโรงแรม ที่เป็นโรงแรมสำหรับลูกค้าครอบครัว ก็จะมีบริการพิเศษต่างๆ เพื่อทำให้วันพักผ่อนของทุกครอบครัวที่มากับเด็กเล็กมีความหมายและสนุกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดรองเท้า ห้องพัก เสื้อคลุมอาบน้ำสำหรับเด็ก รวมไปถึงเตียงเด็ก (baby cot) อีกด้วย

นอกจากนั้น ยังมีการจัดทำ Kids club ซึ่งเป็น เหมือนกับห้องของเล่น ของกิจกรรมของเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆได้สนุกกันอย่างเต็มที่อีกด้วย โรงแรมหลายๆโรงแรม จึงต้องมีตำแหน่งพนักงาน Kids Club Attendant (พนักงานสันทนาการเด็ก) เพื่อเป็นผู้ช่วยดูแลเด็กๆ ในขณะที่อยู่ในห้อง Kids Club และอาจรวมไปถึงการดูแลเด็กแทนพ่อแม่ ซึ่งใช้เวลาพักผ่อน สปา เป็นต้น

หน้าที่ทั่วไปของ Kids Club Attendant (พนักงานสันทนาการเด็ก)

  • ต้อนรับเด็กและแขกผู้มาเยือนด้วยความเป็นมืออาชีพ สามารถแนะนำสถานที่และบริการได้เป็นอย่างดี ส่งเสริมแนะนำกิจกรรม
  • จัดการการลงทะเบียนทั้งหมดของแขก รับจองกิจกรรมและรับจองพี่เลี้ยงเด็ก
  • รับผิดชอบในการรับโทรศัพท์ สอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์จากลูกค้า
  • ประสานงานกับผู้จัดการและทีมกิจกรรมเด็กเกี่ยวกับการบริหารและการดำเนินงานของ Kids Club
  • สามารถจัดกิจกรรม จัดสถานที่และนำให้เด็กๆทำกิจกรรม ได้ทันตามเวลาที่กำหนด
  • ดูแลเด็กโดยเน้นคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด ปฎิบัติตามขั้นตอนการดูแลเด็กตามมารตฐานของบริษัท
  • รับเป็นพี่เลี้ยงเด็กและทำงานอื่น ๆ ตามที่ผู้จัดการ / ผู้ช่วยผู้จัดการ / หัวหน้างานมอบหมาย

คุณสมบัติทั่วไปของ Kids Club Attendant (พนักงานสันทนาการเด็ก)

  • มีบุคลิกภาพที่ดี มีมารยาท ใส่ใจในรายละเอียดและมีความสามารถในการทำงานภายใต้ความกดดัน
  • มีความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
  • ระดับภาษาอังกฤษดี ถ้าได้ภาษาอื่น ๆ เช่นจีน เป็นต้น

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

คุณสมบัติของพนักงานต้อนรับที่ดี

พนักงานต้อนรับของโรงแรม ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แขกประทับใจและกลับมาใช้บริการของโรงแรมอีกครั้ง เพราะพนักงานต้อนรับ ถือเป็นหน้าเป็นตาของโรงแรม เมื่อแขกเข้ามาในโรงแรม สิ่งแรกที่แขกจะได้พบปะพูดคุยด้วยนั้นก็คือพนักงานต้อนรับ ดังนั้น โรงแรมในปัจจุบันจึงมีการคัดเลือกคุณสมบัติของพนักงานต้อนรับและมีการสอนมารฐานการให้บริการของพนักงานต้อนรับให้เป็นทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น พนักงานต้อนรับที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกและรับลงทะเบียนการเช้าห้อง พนักงานสัมภาระที่คอยแนะนำทางให้กับแขกและขนสัมภาระให้กับแขกไปยังห้องพัก และพนักงานแคชเชียร์ที่คอยรวบรวมค่าใช่จ่ายและเรียกเก็บเงินจากแขกครับ

คุณสมบัติของพนักงานต้อนรับที่ดี มีดังนี้

  • มีทัศนคติที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส

พนักงานต้อนรับคือหน้าตาของโรงแรม เพราะเป็นคนแรกที่แขกติดต่อด้วยและเป็นคนที่คอยตอบคำถามเบื้องต้นให้กับแขก ไม่มีใครอยากติดต่อกับคนที่แสดงออกชัดเจนว่าอารมณ์ไม่ดีและมีทัศนคติแย่ๆ การที่เรามีรอยยิ้มที่จริงใจและสดใสนั้นจะทำให้คนที่ได้คุยกับเรารู้สึกสบายใจและเป็นกันเองมากขึ้น พยายามยิ้มตลอดเวลา แสดงถึงความร่าเริงและทัศนคติที่ดีเข้าไว้ บอกตัวเองให้อดทนเวลาเจอแขกที่กวนประสาท แม้ว่าเรากำลังจะระเบิดลงแล้วก็ตาม การควบคุมอารมณ์ให้สุขุมนั้นดีกว่าปล่อยให้ตัวเองระเบิดลง เพราะดูเป็นคนเจ้าอารมณ์และนิสัยเสีย

  • สามารถตอบสนองความต้องการของแขกได้อย่างรวดเร็ว

ทักทายแขกที่มาเยือนอย่างเป็นมิตรเสมอ เมื่อมีแขกเข้ามาในโรงแรมเราควรเดินเข้าไปให้บริการกับแขกเลยไม่ควรให้แขกเรียกก่อนจึงค่อยไปเพราะบางทีแขกก็ไม่รู้ว่าจะไปติดต่อที่ตรงไหนอย่างไร

  • มีมารยาท แสดงออกถึงความนับถือและให้เกียรแขก

ปฏิบัติกับทุกคนราวกับว่าพวกเขาเป็นคนสำคัญที่สุดที่เดินเข้ามาที่โรงแรมในวันนั้น เพราะนี่เป็นงานของพนักงานต้อนรับ นอกจากนั้น ควรให้ความนับถือและให้บริการกับแขกอย่างเสมอเท่าเทียมกันไม่ควรเลือกให้บริการกับแขกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

  • สุภาพเรียบร้อย

พนักงานต้อนรับที่ดีนั้นจะต้องมีความสุภาพเรียบร้อย กริยาอาการอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ควรพูดคำหยาบหรือแสดงกริยาที่ไม่น่าพึงพอใจใส่แขกที่เข้ามาพักโรงแรม

  • รักษาภาพพจน์ของผู้ให้บริการ

พนักงานต้อนรับ คือตัวแทนของโรงแรม เพราะฉะนั้นต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งด้วย เราควรรักษาภาพพจน์ของผู้ให้บริการที่ดี ตั้งแต่การแต่งกายจนไปถึงทรงผมและสิ่งต่าง ๆ ให้ดูดีอยู่เสมอ

  • มีความกระตือรือร้นในการให้บริการ

พนักงานต้นรับที่ดีควรทำงานบริการให้กับแขกอย่างเต็มที่ ให้บริการมากกว่าที่แขกหวังเอาไว้เพื่อให้แขกนั้นประทับใจและกลับมาใช้บริการโรงแรมของเราอีกครั้ง

  • ให้บริการด้วยความสมัครใจ

งานของพนักง่นต้อนรับ คืองานบริการ ดังนั้น ทุกตำแหน่งที่ทำงานบริการแขก จะต้องให้บริการกับแขกด้วยความเต็มใจไม่ใช่ทำเพราะต้องทำและทำแค่ให้เสร็จ ๆ ไปเท่านั้น

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

บุคลิกภาพที่ดีของพนักงานโรงแรม

คราวที่แล้ว Jobnsure พูดถึง มรรยาทในการทักทายที่ดีของพนักงานโรงแรม ไปแล้ว ซึ่งหากพนักงานได้รับการอบรมให้มีมรรยาทที่ดี ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของโรงแรมดีไปด้วยนะครับ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องฝึกต้องสอนพนักงานโรงแรมของเราให้ดี โดยเฉพาะเรื่องบุคลิกภาพและการแต่งกาย ไม่ว่าโรงแรมจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือโรงแรมขนาดใหญ่ หากพนักงานมีบุคลิกภาพและการแต่งกายที่ดี ดูสะอาดสะอ้าน ย่อมทำให้ลูกค้าหรือแขกที่เข้าพัก เห็นแล้วรู้สึกอารมณ์ดี สดใส และทำให้ข้อขัดแย้งต่างๆระหว่างแขกกับโรงแรม น้อยลงไปได้ด้วยครับ

  1. ผมเผ้า

พนักงานชาย  ไม่ควรไว้ผมยาว  ต้องหวีผมให้เรียบร้อย  อย่าให้มีรังแคหล่นตามไหล่ ไม่ควรไว้จอนผมยาวเกินไปแม้จะมีแฟชั่นผมยาวก็ไม่ควรไว้  พนักงานโรงแรมจะต้องทำตนให้แลดูสะอาดและสวยงามอยู่เสมอ  โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับบริหารยิ่งจะต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง

พนักงานหญิง จะต้องระวังไม่ให้เส้นผมหรือรังแคติดตามตัว ไม่หวีผมต่อหน้าผู้อื่น หรือปล่อยให้ผมยุ่ง  โดยทั่วไปแล้วไม่ควรย้อมผมเพราะสีผมตามธรรมชาติจะดูมีเสน่ห์น่าดูกว่า

  1. ใบหน้า

ไม่ว่าพนักงานหญิงหรือชาย  จะต้องระวังรักษาความสะอาดของใบหน้า ผิวพรรณ เปล่งปลั่ง  อารมณ์แจ่มใส เกิดขึ้นได้เพราะสุขภาพแข็งแรง และรับประทานอาหารถูกหลักโภชนา การ  พนักงานชายไม่ควรไว้หนวด  รักษาอนามัยในช่องปากให้ดี อย่าให้มีกลิ่นปาก พนักงานหญิงควร  แต่งหน้าบาง ๆ  หากแต่งหน้าเข้มเกินไปจะทำให้เสียบุคลิก  ต้องรู้จักเลือกสีของลิปสติค และใช้อย่างเหมาะสม  พนักงานหญิงที่มีอายุก็ยังต้องแต่งหน้าบาง ๆ  ไม่ควรงดแต่งหน้าอย่างสิ้นเชิง การใช้     อายชาโดว์  การเขียนขอบตา  ควรแต่งให้เหมาะสม  บางทีอาจปรึกษากับช่างเสริมสวยของโรงแรม

เรื่องกลิ่นปากและกลิ่นตัวนั้น บางครั้งเจ้าตัวอาจไม่รู้  ควรจะคอยเตือนซึ่งกันและกัน ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงอย่างหัวหอม กระเทียม ในช่วงก่อนและระหว่างการทำงาน

ระหว่างการเข้าเวรไม่ควรใช้เครื่องประดับที่หรูหราราคาแพงอย่าง  ต่างหู  แหวน  กำไล หรือสร้อยคอ การใช้เครื่องประดับที่มีความหมายเป็นพิเศษอย่างแหวนแต่งงาน หรือของที่ระลึก  ควรขออนุญาตหัวหน้าก่อน

ตามหลักทั่วไปแล้วทางโรงแรมจะไม่ให้ผู้ที่ทำงานในแผนกบริการสวมแว่นตา หรือ หากจำเป็นจริง ๆ  ไม่ให้ใช้แว่นกระจกสี

  1. เครื่องแบบ

โรงแรมที่มีเครื่องแบบให้พนักงาน พนักงานควรรักษาเครื่องแบบของโรงแรมให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ และใส่เข้าเวรตามระเบียบ แขกจะรู้ว่าพนักงานของโรงแรมเป็นอย่างไรก็ดูจากเครื่องแบบที่สวมใส่  ก็เช่นเดียวกับที่พนักงานทราบถึงรสนิยมและนิสัยใจคอของแขกที่มาพัก  โดยดูจากการแต่งตัวของแขกนั่นเอง

เสื้อผ้าจะต้องรีดให้เรียบร้อย  ปัดให้สะอาดอยู่เสมอ

เครื่องแบบของโรงแรมอาจจะไม่ทันสมัย  แต่พนักงานของโรงแรมต้องสวมใส่ให้ เหมือน ๆ กัน  จึงต้องห้ามไม่ให้แก้ไขดัดแปลงเครื่องแบบของตนตามใจชอบ  การสวมเครื่องแบบที่เหมือนกันจะทำให้แลดูเป็นระเบียบ  มีเอกลักษณ์เฉพาะ  บางคนอาจรู้สึกว่าการใส่เครื่องแบบจะทำให้ดูขัดเขิน แต่แขกที่มาพักจะไม่คิดเช่นนั้น ตรงกันข้ามแขกกลับจะรู้สึกขัดหูขัดตากับพนักงานที่ใส่กางเกงขาลีบ หรือคับรัดรูปมาทำงาน

  1. คอเสื้อและอื่น ๆ

ถ้าหากคอเสื้อของพนักงานแผนกอาหารประจำโรงแรมดูสกปรกอย่างเห็นได้ชัด จะทำให้พลอยรู้สึกว่าอาหารก็คงไม่สะอาดไปด้วย  เพราะฉะนั้นจะต้องจำไว้ว่าความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

โดยทั่วไปทางโรงแรมจะจ่ายเครื่องแบบให้คนละสองสามชุดเท่านั้น  จะใช้ข้ออ้างที่ว่าเครื่องแบบมีน้อย  ซักรีดไม่ทันไม่ได้  เพราะจะเป็นผลเสียต่อตนเอง  จะต้องรักษาความสะอาดของคอเสื้อและแขนเสื้อให้ดี เน็คไทต้องไม่สกปรกเปรอะเปื้อน นอกจากนี้พนักงานทั่วไปหากใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย ไม่มีลวดลาย ใช้สีสันกลมกลืนกันจะดีกว่าใส่เสื้อผ้าที่หรูหราเกินไป พนักงานในห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยง  จะได้รับแจกหูกระต่าย  ควรใช้ตามกำหนดไว้

ป้ายชื่อจะต้องติดไว้ในตำแหน่งที่กำหนด พนักงานทุกคนควรจะรู้สึกภูมิใจในชื่อของตนเอง และควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ติดป้ายชื่อ คงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากหากรู้สึกอับอาย หรือไม่อยากติดป้ายชื่อตัวเอง

  1. ถุงเท้า

พนักงานชายต้องใช้ถุงเท้าสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม ไม่ควรใช้ถุงเท้าบางหรือถุงเท้าที่แพง หรูเกินไป  และต้องเปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน

พนักงานหญิงควรใส่ถุงน่อง  โดยใช้สีตามที่กำหนด นอกจากนี้จะต้องไม่ให้กระโปรงชั้นในโผล่พ้นชายกระโปรงออกมา

พนักงานหญิงอาจต้องใช้หมวกขลิบลูกไม้ และผ้ากันเปื้อน ให้ถูกต้องตามระเบียบและต้องรักษาความสะอาดเสมอ

  1. อื่น ๆ

พนักงานหญิงจะใช้ยาทาเล็บได้ก็เฉพาะชนิดที่ไม่มีสีหรือชนิดใส สีไม่ฉูดฉาด และเมื่อใช้แล้วก็ควรรักษาให้ดี ไม่ปล่อยให้สีลอกหลุดหรือซีดจาง

เจ้าหน้าที่โรงแรมทุกคนจะต้องสวมรองเท้าที่ผ่านการทำความสะอาดแล้วเป็นประจำ นอกจากบางแผนกทั่วไปควรสวมรองเท้าสีดำแบบธรรมดา ห้ามใช้รองเท้าสีชา สีแดง หรือ สีเทา

จะเห็นได้ว่าการเป็นพนักงานโรงแรมนั้นไม่มีอิสระเลย ยิ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง  มีระดับ แล้วยิ่งเข้มงวดเรื่องเครื่องแต่งกาย และการปฏิบัติตัวของพนักงานเป็นพิเศษ  ผู้ที่ไม่เคยชิน อาจรู้สึกไม่ชอบระเบียบกฎเกณฑ์เหล่านี้  แต่ทั่วไปแล้วเมื่อทำงานไปได้สักหนึ่งถึงสองปีก็จะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ และมักพูดอวดกฎระเบียบเหล่านี้ให้ผู้อื่นรับรู้  กฎระเบียบเหล่านี้ดูผิวเผินอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร แต่ความเป็นจริงก็คือการให้ความสำคัญต่อการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของตน   นั้นเอง

นอกจากนี้โรงแรมโดยทั่วไปจะมีระเบียบกำหนดเครื่องแบบให้พนักงานสวมใส่ในเวลางาน  ซึ่งมักจะเป็นสีขาวเหมือนกันหมด  แต่โรงแรมบางแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น เจ้าหน้าที่ประจำออฟฟิศ จะสวมเสื้อเชิ้ตสีต่าง ๆ  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา  และส่วนใหญ่มักจะเป็นเสื้อผ้า ที่ตนชอบ  เชื่อว่าต่อไปคงจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามแนวนี้

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

มรรยาทในการทักทายที่ดีของพนักงานโรงแรม

การให้บริการนั้นเป็นหน้าที่ในชีวิตประจำวันที่พนักงานโรแงรมทุกคนต้องปฏิบัติ ฉะนั้นหากเราต้องการให้ผู้อื่นชื่นชมต่อตัวเราตลอดเวลา เราก็จะต้องปรับปรุงและเสริมสร้างคุณลัษณะของเราให้เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้อื่นและที่สำคัญคือต้องถูกใจตนเองด้วย คุณลักษณะของผู้ให้บริการที่ดีควรประกอบไปด้วย คุณลักษณะทางกาย คือ เป็นประการด่านแรกของการให้บริการเพราะลูกค้าจะสัมผัสเราโดยการมองเห็นก่อน ฉะนั้น การมีบุคลิกภาพที่ดีมีการแสดงออกที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำก่อนการมีบุคลิกภาพที่ดีนั้น ต้องดีทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งทั้ง 2 ประการมีสาระที่น่าสนใจ ดังนี้

บุคลิกภาพภายนอก ได้แก่

  • ร่างกายสะอาด
  • แต่งกายเหมาะสมกับกาลเทศะ
  • ยิ้มแย้มแจ่มใส
  • กิริยาอ่อนน้อม รู้จักที่จะไหว้ให้เป็นและสวย

บุคลิกภาพภายใน ได้แก่

  • กระตือรือร้น
  • รอบรู้
  • เต็มใจและจริงใจ
  • ความจำดี
  • มีปฏิภาณไหวพริบ
  • มีความรับผิดชอบ
  • มีอารมณ์มั่นคง

การยิ้มแย้มแจ่มใสหน้าต่างบานแรกของหัวใจในการให้บริการคือความรู้สึก ความเต็มใจและความกระตือรือร้นที่จะให้บริการ เป็นความรู้สึกภายในของบุคคลว่าเราเป็นผู้ให้บริการ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้ประทับใจกลับไปความรู้สึกดังกล่าวนี้ จะสะท้อนมาสู่ภาพที่ปรากฏในใบหน้าและกิริยาท่าทางของผู้ให้บริการ คือการยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายด้วยไมตรีจิต การยิ้มแย้มแจ่มใสจึงถือเป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร การยิ้มคือการเปิดหัวใจการให้บริการที่ดี วันนี้ Jobnsure จะแนะนำวีการทักทายที่คนโรงแรมและภัตตาคารควรนำไปใช้ครับ

  1. ก้มศีรษะพร้อมกับยิ้ม

ผู้ที่ทำงานในโรงแรมและภัตตาคารตั้งแต่ระดับผู้จัดการใหญ่ไปจนถึงพนักงานบริการ จำเป็นต้องทักทายแขก  แต่สภาพที่ทุกอย่างต้องดำเนินไปด้วยความรวดเร็วอย่างนี้ทุกวัน การทักทายจึงรวบรัดเป็นเพียงการก้มศีรษะเท่านั้น  ในที่นี้จะพูดถึงการกล่าวคำทักทายและการตอบรับที่ถูกต้อง

ในการรับส่งแขกนั้นโดยทั่วไปจะต้องกล่าวคำที่เหมาะสม กระตือรือร้น ให้ความรู้สึก อบอุ่น  คำพูดเหล่านี้ควรจดจำไว้ใช้  ตัวอย่างเช่น

                          “ยินดีต้อนรับค่ะ” (ใช้เวลาต้อนรับแขก)

                          “ขอบคุณที่ใช้บริการของเรา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ (ครับ)” (ใช้เวลาส่งแขก)

เวลาพูดหากก้มศีรษะพร้อมกับยิ้มด้วยจะน่าประทับใจกว่าพูดอย่างขอไปที

 

  1. มารยาทที่ควรปฏิบัติ

พนักงานโรงแรมมักจะต้องเดินสวนทางกับแขกตามทางเดิน ในล็อบบี้  และในลิฟท์ อยู่เสมอ  สภาพเช่นนี้ควรจะกล่าวคำทักทายแขก

เวลาเดินทางควรจะเดินชิดซ้าย โรงแรมบางแห่งจะมีระเบียบห้ามพนักงานเดินตรงกลางทางเดิน

เมื่อแขกเดินตรงมาใกล้ควรกล่าวคำว่า  “สวัสดีค่ะ (ครับ)”  แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก    

พนักงานหญิงที่กำลังทำความสะอาดห้องพักหรือพนักงานที่ต้องเดินผ่าน ไม่จำเป็นต้องหยุดทำงานเพื่อทักทายแขก  แต่จะทำงานไปพร้อมกับกล่าวคำทักทายไปด้วยก็ได้  แต่ถ้าเป็นแขกคนสำคัญ  ควรจะหยุดทำงานหรือหยุดเดินเพื่อกล่าวคำทักทาย เป็นการแสดงความเคารพเป็นพิเศษ

โรงแรมที่ดีจะต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องมารยาทเป็นอย่างมาก  โรงแรมที่ก้าวไม่ถึงระดับแนวหน้านั้น  ที่สำคัญมักเป็นเพราะผู้บริหารละเลยต่อการอบรมมารยาทให้แก่พนักงาน

(1)  การทักทายสร้างความประทับใจต่อแขก

 เมื่อแขกผ่านประตูโรงแรมหรือภัตตาคารเข้ามาก็ได้ยินคำทักทายอย่างเป็นกันเอง ว่า  “ยินดีต้อนรับค่ะ (ครับ)”  พร้อมกับเห็นพนักงานบริการและแคชเชียร์ยืนต้อนรับทักทาย แขกจะเกิดความรู้สึกประทับใจต่างไปจากอยู่ในโรงแรมหรือภัตตาคารอื่นที่ขาดส่วนนี้  การต้อนรับและทักทายแขกในเวลาอาหารเช้าซึ่งเป็นช่วงที่แขกมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  จะทำให้แขกรู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างคงจะผ่านไป อย่างราบรื่น  ยิ่งได้ฟังเสียงทักทายรื่นหูจากพนักงานบริการหลาย ๆ  คนก็ยิ่งจะทำให้เกิดความพึงพอใจเป็นพิเศษ

 (2)  การปฏิบัติต่อแขกทุกคนอย่างเสมอหน้า

พนักงานบริการบางคนมักจะเคารพนบนอบแขกที่ตนชอบและเย็นชาต่อแขกที่ตนไม่ชอบ  บางคนกระตือรือร้นต่อแขกที่เป็นหญิงสาวสวยเป็นพิเศษ และเฉยเมยไม่เอาใจใส่แขกผู้ชาย หรือคนแก่ บางคนยังเลือกนอบน้อมต่อแขกที่เป็นชาวตะวันตกแต่แข็งกร้าวต่อแขกที่เป็นนิโกร หรือชาวเอเชีย

สภาพที่พนักงานบริการปฏิบัติต่อแขกอย่างไม่เสมอหน้าเช่นนี้ มักจะพบเห็นบ่อย ๆ จำเป็นต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดสิ้นและจริงจังนะครับ

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com

วีธีรับมือ เมื่อเจอลูกค้าโรงแรมที่ไม่พึงประสงค์

การแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้าโรงแรม/แขกที่มาพักเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งของการดำเนินงานโรงแรม และมีผลโดยตรงต่อความพอใจของแขก (Guest Satisfaction) พนักงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับแขกจึง  จำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมให้สามารถแก้ปัญหาของแขกได้เป็นส่วนใหญ่

การทำงานของ  โรงแรมก็จะมีลักษณะเป็นการทำงานแบบเป็นทีม  เพราะทุกคนจะมีเป้าหมายร่วมกัน  คือ ทำอย่างไรให้แขกมีความพอใจ ดังนั้น โรงแรม จึงควรฝึก ให้พนักงานมีความรู้ ความมั่นใจ และเรียนรู้ว่าเวลาแขกมาสอบถามหรือขอความช่วยเหลือ  ควรจะต้องตอบสนองอย่างไร  เมื่อพนักงานได้เรียนรู้ทักษะในการแก้ปัญหาของแขกอย่างได้ผล  และมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานในลักษณะนี้  เขาก็จะเกิดความมั่นใจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อเผชิญกับปัญหา  เมื่อพนักงานเริ่มเห็นว่าความพยายามของเขาในการแก้ปัญหาบังเกิดผลดี เขาก็จะมีกำลังใจ และกล้าเป็นผู้ริเริ่มในการแก้ปัญหาเวลาต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ ๆ ในอนาคต  แทนที่จะเดินหนีหรือหาทางหลบไปเวลามีปัญหา

กระบวนการแก้ปัญหาเกี่ยวกับแขกมีขั้นตอนสำคัญอยู่ 4 ขั้น ดังนี้

  1. รับฟังปัญหาของแขกโดยไม่ขัดจังหวะ ซึ่งจะต้องตั้งใจฟังและฟังอย่างเดียว โดยอาจตอบว่า “I understand (ผม/ดิฉัน เข้าใจ)” หรือ “I can see why you’re upset (ผม/โน เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านจึงหัวเสีย)” เพื่อให้แขกได้ระบายความรู้สึก ความโกรธ ซึ่งหากพนักงานตั้งใจฟังก็จะทำให้แขกสงบลง และลดความหงุดหงิดลงได้ เมื่อแขกได้พูดเรื่องที่เขาอยากพูดแล้ว  พนักงานควรจะถามเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองเข้าใจปัญหาของแขกอย่างแท้จริง  และควรจะจดบันทึกปัญหาของแขกด้วย  การจดบันทึกอย่างนี้ทำให้แขกรู้สึกว่าเราสนใจที่จะแก้ปัญหาจริง ๆ และพร้อมกันนั้นก็ช่วยให้เราจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย
  2. กล่าวคำขอโทษและแสดงให้แขกเห็นว่าเราเข้าใจเขา โดยจะต้องขอโทษแขกโดยไม่พูดตำหนิใคร รวมถึง ขอบคุณแขกที่มาบอก ซึ่งช่วยให้โรงแรมได้ทราบเรื่องนั้น
  3. เสนอทางแก้ปัญหาหลายแบบและดูว่าแขกชอบแบบไหน ในการแก้ปัญหาให้แขก พนักงานจำเป็นต้องรู้ว่ามีทางเลือกอะไรบ้างที่พอจะเสนอให้แขกบ้าง ซึ่งจะช่วยให้แขกรู้สึกว่าเขามีทางเลือกอยู่บ้าง และพนักงานก็จะรู้ได้ว่าแขกชอบทางเลือกไหนมากที่สุด
  4. ติดตามผล เพื่อให้แขกมั่นใจว่าคุณมีความจริงใจในการแก้ปัญหา โดยสอบถามจากแขกว่าปัญหานั้นได้รับการแก้ไขหรือยังภายในกรอบเวลาที่ตกลงไว้

ขั้นตอนแต่ละขั้นจะสร้างเสริมทักษะที่จำเป็นต้องเรียนรู้และนำมาใช้เวลาแก้ปัญหาแก่พนักงาน  เมื่อพนักงานมีทักษะที่จำเป็นเหล่านี้เขาก็จะเห็นว่าปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่นั้นเป็นโอกาสที่จะได้ให้บริการแก่แขก  การแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีอย่างนี้จะช่วยป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามไปจนกลายเป็นความไม่พอใจอย่างใหญ่โต  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ  แล้วตอนต้นแขกเพียงต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น

To contact jobnsure by phone, please call +66-2392-4186 or email at jobnsure1@gmail.com