4. เทียบความคุ้มค่า เวลา ระหว่าง การลงทุนกับซอฟต์แวร์สำเร็จรูป กับ การพัฒนาระบบขึ้นเอง
เมื่อมองหาซอฟต์แวร์ที่มี feature ตอบโจทย์ได้แล้ว เจ้าของจะสามารถเปรียบเทียบราคาวงเงินในการลงทุนระบบ ว่าอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้หรือไม่ อีกทั้ง ต้องสามารถเปรียบเทียบกับ การที่ต้องลงทุนสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถตามที่ต้องการนี้เอง ว่าต้องใช้เวลา ทีมงาน วงเงินมากน้อยแค่ไหน และ ยังมีส่วนมี่ต้องพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้ ระบบ up to date สม่ำเสมอ ไม่ได้มีความสามารถเท่าแค่ requirement ตั้งต้นเริ่มพัฒนาระบบ
5. เลือก Must Have ก่อน Nice to Have
อีกประเด็นที่สำคัญคือ ซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถครอบคลุม major need (must have) ให้ดูว่าสามารถพัฒนาต่อยอดตาม requirement หรือไม่ หากได้เท่าไหร่ ทำให้ทราบงบประมาณโดยรวมทั้งหมด เพราะ ROI อาจจะใช้เวลานานหลายปี ตามเป้าหมายการลงทุน
6. ควรเลือกผู้พัฒนาระบบที่พัฒนาต่อเนื่อง
ดังนั้นหากมีผู้พัฒนา Software Specialist ที่พัฒนาต่อเนื่อง และมีความสามารถตรงความต้องการหลัก ทำให้ใช้เวลาสั่นกว่าในการ implement ทำให้เจ้าของกิจการมีระบบตามที่ต้องการรวดเร็ว และสามารถควบคุมวงเงินลงทุนได้ เพราะ period of time ยิ่งยาวนาน เจ้าของกิจการย่อยมี fixed cost รันไม่เคยหยุดตามไปอีกด้วย